แซคคารี ลีวาย นักแสดงวัย 41 ปีที่หลายคนอาจคุ้นหน้าจากบทฮีโร่ Shazam! ของดีซี ได้เปิดเผยระหว่างออกรายการพอดแคสต์ Heart of the Matter ว่าเขาต้องต่อสู้กับอาการป่วยทางจิตตั้งแต่ยังหนุ่มๆ เนื่องจากการเติบโตขึ้นมาในครอบครัวที่ซับซ้อน
“ผมต่อสู้กับสิ่งนี้มาเกือบทั้งชีวิต ผมไม่ได้รู้ตัวว่าผมกำลังต่อสู้กับสิ่งนี้จนกระทั่งอายุได้ 37 ปี เมื่อประมาณห้าปีก่อน ผมมีอาการป่วยทางจิตอย่างสมบูรณ์”
“ชีวิตส่วนใหญ่ของผม ผมเติบมาในครอบครัวที่พ่อเลี้ยงเป็นพวกรักความสมบูรณ์แบบขั้นสูงสุด มาตรฐานเขาสูงมาก มันเป็นไปไม่ได้ที่จะไปถึง ส่วนแม่ผมก็มีภาวะบุคลิกภาพผิดปกติชนิดก้ำกึ่ง ถ้าผมกลับบ้านตอนที่แม่กำลังอารมณ์ดีอยู่ ผมสามารถบอกเธอได้เลยว่า ‘แม่ครับ ผมทำคะแนนสอบได้ไม่ดีนักที่โรงเรียน’ ซึ่งเธอก็จะแบบ ‘ไม่ต้องกังวลนะลูก เดี๋ยวก็จะมีการสอบอีกหน เราแก้ไขมันได้’ ไม่ว่ามันจะเป็นอะไร แต่ถ้าแม่อารมณ์ไม่ดี มันคือจุดจบของโลก ผมรู้สึกอับอายกับครอบครัว ผมหมายถึง มันมีแต่คำพูดรุนแรงและการตะเบ็งเสียง”
เมื่อลีวายโตขึ้น เขาก็เหมือนกับใครหลายๆ คนที่จัดการกับปัญหาของตัวเขาเองด้วยการหันไปหาสิ่งที่ทำให้ความเจ็บปวดเหล่านี้หายไปง่ายที่สุด
“ผมวิ่งไปหาอะไรหลายอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเพศ ยาเสพติด หรือเหล้า หรือสิ่งที่ทำให้ผมไขว้เขวไปจากมัน เพื่อทำให้ตัวเองชาชินกับความเจ็บปวดที่ผมวิ่งหนีจากชีวิตส่วนใหญ่ของผมได้ สิ่งที่แปลกประหลาดก็คือการดื่มเหล้านั้นบรรเทามันได้แค่ชั่วคราว รุ่งขึ้นมันก็จะกลับคืนมาเป็นสิบๆ เท่า ฉะนั้น คุณก็จะกลับไปกินเหล้าเพิ่มอีก แล้วกลายเป็นวงจรอุบาทว์”
ลีวายบอกว่าอาชีพนักแสดงมีส่วนช่วยให้เขาก้าวพ้นมันได้ เพราะมีอยู่ช่วงหนึ่ง เขาเชื่อว่าการย้ายมาที่ออสตินเพื่อสร้างสตูดิโอภาพยนตร์เป็นสิ่งที่ทำให้ชีวิตเขามีจุดมุ่งหมาย
“อาชีพของผมอยู่ในที่ที่ผมรู้สึกว่าผมต้องทำอะไรอีกมากมายถึงจะประสบความสำเร็จ ผมยังอยู่กับที่ แต่บอกตามตรง แม้แต่ตอนนี้ ผมยังรู้สึกแบบนั้นอยู่ ผมรู้สึกเหมือนเป็นคนนอกที่มองเข้าไปข้างใน ผมไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มเด็กเจ๋งๆ”
และเมื่อลีวายถูกถามถึงอาการตื่นตระหนกที่ทำให้เขาต้องไปรักษาตัวเอง เขาก็เล่าว่าหลังจากที่ย้ายไปออสตินแล้ว เขาก็ประสบปัญหาในการทำกิจกรรมประจำวันทั่วไป เช่น การแกะกล่องต่างๆ และเลือกร้านอาหาร ความรู้สึกสิ้นหวังผสมกับความเกลียดตัวเองและความตื่นตระหนกมันทำให้เขาเข้าไปอยู่ในภาวะวิกฤตทางอารมณ์
“ผมขับรถวนอยู่ประมาณ 10 นาทีโดยไม่รู้ว่าจะไปกินข้าวร้านไหนดี เพราะผมไม่รู้ว่าที่ไหนจะดีที่สุด แทนที่จะแค่บอกกับตัวเองว่า ‘แซ็ค ไปกินข้าวกันเถอะ มันไม่สำคัญว่าที่ไหน มันไม่สำคัญว่านายจะไปร้านพิซซ่าหรือร้านอาหารจีน หรือร้านไหนก็ตาม ไปหาของกินกัน ถ้านายหิว ไปหาข้าวมากินกันเถอะ'”
“ผมนั่งอยู่ในรถผม ผมจำได้ว่าผมจับพวงมาลัยแล้วส่ายไปส่ายมา เหมือนพยายามสะบัดตัวเองให้ออกจากสิ่งที่เกิดขึ้น แล้วผมก็น้ำตาไหล ผมร้องไห้ แล้วก็แบบ ‘พระเจ้าครับ ช่วยลูกด้วย'”
หลังจากนั้น ลีวายก็พบว่าตัวเองต้องเข้าไปอยู่ในห้องฉุกเฉินหลังจากมีความคิดว่าจะฆ่าตัวเองให้ตายผุดเข้ามาในหัว
“ผมมีความคิดว่าจะจบชีวิตตัวเอง นี่ไม่ใช่ครั้งแรก ผมเคยอยู่ในความมืดมาก่อน แต่ผมคิดว่าในช่วงเวลานั้น ผมมีคนอยู่รอบกาย ผมมันโง่ ผมคิดว่าตัวเองคิดถูกแล้วที่ย้ายไปออสติน ผมไม่รู้ว่าตัวเองทำถูกต้องไหม ผมไม่รู้ว่าตัวเองกำลังวิ่งหนีจากอะไร แต่พอผมย้ายออกมาและไม่มีใคร ผมไม่มีใครคอยสนับสนุน ในช่วงเวลานั้น ผมอยู่ในเมืองที่วิเศษนะ แต่ผมต้องอยู่ด้วยตัวเอง แล้วความมืดก็เข้ามาหาผมอีกครั้ง คำโกหกเหล่านั้นเข้ามากระซิบข้างหูผม ความล้มเหลวที่ผมรู้สึกว่ามันเพียงพอที่จะบอกกับตัวเองว่า ‘แซ็ค ฉันว่านายคงไม่รอด'”
ลีวายเข้ารับการบำบัดที่แผนกจิตเวชเป็นเวลา 3 สัปดาห์ และมันได้เปลี่ยนชีวิตเขาไปในทางที่ดีขึ้น แต่ก็ไม่ได้หายขาด ปัจจุบันเขายังอยู่กับมันและคอยจัดการกับมันโดยการมีนิสัยหาอาหารดีๆ กิน การออกกำลังกาย การนอนหลับ และและการทำสมาธิ