ด้วยความที่แบทแมนเป็นตัวละครที่ถูกนำมาเล่าซ้ำมานับครั้งไม่ถ้วน เราจึงรู้ประวัติคร่าวๆ ของเขาเป็นอย่างดีว่าเกิดอะไรขึ้นในช่วงวัยเด็กของเขา อะไรคือความเจ็บปวดของเขา และอะไรทำให้เขาตัดสินใจเป็นแบทแมน นี่คงเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ The Batman ของผู้กำกับ แมตต์ รีฟส์ ไม่ใช่หนังต้นกำเนิด แต่จะบอกเล่าเรื่องราวในปีที่สองของการเป็นแบทแมนของ บรูซ เวย์น
ระหว่างงาน DC FanDome รีฟส์ได้เปิดเผยรายละเอียดว่าเนื่องจาก The Batman ไม่ใช่หนังต้นกำเนิด มันทำให้เขามีโอกาสเล่าสิ่งที่ต่างออกไปจากหนังฉบับก่อนๆ นั่นคือความเป็นมนุษย์และความผิดพลาดของบรูซ
“เขาไม่ใช่ซูเปอร์ฮีโร่แบบทั่วๆ ไป เขาอาจจะมีผ้าคลุม แต่เขาบินไม่ได้ เขาก็เหมือนกับคุณและผม แต่ถ้าจะให้เขามีพลังพิเศษมันก็คงเป็นความสามารถในการอดทน ซึ่งมันไม่ใช่แค่ความสามารถแต่มันเป็นการถูกบังคับให้ต้องอดทน”
“ฉะนั้นแนวคิดนี้มันจึงถูกขับเคลื่อนโดยอดีตของเขาและสิ่งที่เขาไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยตัวเอง เขาเป็นตัวละครที่มีชีวิตมากๆ สำหรับผม การเล่าเรื่องแบทแมนฉบับนี้ มันไม่ได้เกี่ยวกับว่าเขากลายเป็นแบทแมนได้ยังไง แต่มันเกี่ยวกับว่าเขาเป็นแบทแมนแบบไหนในช่วงแรกๆ เขายังห่างไกลจากคำว่าสมบูรณ์แบบ และเราจะได้เห็นเขากลายเป็นสิ่งที่เราทุกคนต่างรู้ในทิศทางใหม่ ผมรู้สึกว่านี่เป็นการทำสิ่งที่ยังไม่เคยมีใครทำมาก่อน และมันทำให้ผมตื่นเต้นในการหนังเรื่องนี้ซ้ำขึ้นมาอีกครั้ง”
รีฟส์ยังกล่าวเสริมถึงเรื่องความสัมผัสระหว่างแบทแมนและเมืองก็อตแธมด้วยว่า แบทแมนยังไม่ใช่ความหวังของเมือง เขายังเป็นสิ่งที่ผู้คนหวาดกลัวและบางคนก็เชื่อว่าเขาไม่ได้มีตัวตนอยู่จริงๆ
“เพราะมันยังเป็นช่วงแรกๆ และเพราะว่าแบทแมนเป็นศาลเตี้ย ซึ่งหมายถึงเขาแก้ปัญหาด้วยตัวเองไม่สนใจกฎหมาย เขายังไม่ได้อยู่ในจุดที่จะเขาจะกลายเป็นความหวังของเมือง เขาอยู่ในช่วงต้นของวิถี คนเลยหวาดกลัวเขา”
“บอกตามตรงเลย เขาอยู่ในช่วงกำลังจะกลายเป็นตำนาน ผมคิดว่ามีบางคนสงสัยว่า ‘เขามีจริงรึเปล่า? เขามีตัวตนได้ยังไง?’ ตำนานกำลังถูกสร้างขึ้นในแต่ละวันตั้งแต่วันที่เขาปรากฎตัวครั้งแรกเมื่อประมาณ 1 ปีครึ่งที่ผ่านมา ในขณะที่เราอยู่ในปีที่สอง และใช่ครับ ผู้คนหวาดกลัวเขา ผมหมายถึงนั่นเป็นสิ่งหนึ่งที่ผมคิดว่าเขาจะต้องเผชิญตลอดเรื่องและเป็นสิ่งที่ร็อบจะต้องรับมือเพื่อเล่นเป็นตัวละครนี้”
หนังมีกำหนดฉายตุลาคม 2021
