เมื่อสัปดาห์ก่อน วอร์เนอร์ฯ ได้ประกาศแผนช็อคโลกออกมา นั่นคือการปล่อยหนังที่มีกำหนดฉายในปี 2021 ฉายในโรงภาพยนตร์และบริการสตรีมมิ่ง HBO Max ในวันเดียวกัน (แต่หนังจะอยู่บนสตรีมมิ่งเพียง 1 เดือน) เป็นผลให้หนังฟอร์มยักษ์อย่าง The Suicide Squad, Dune และ The Matrix 4 ถูกรวมอยู่ในแผนการนี้ด้วย ยิ่งไปกว่านั้น ผู้อำนวยการสร้างหนัง นักแสดง และตัวแทนกลับถูกแจ้งให้ทราบล่วงหน้าเพียงไม่กี่ชั่วโมงก่อนจะมีการประกาศอย่างเป็นทางการ
ล่าสุดในรายงานของ The New York Times เผยว่าบริษัทเอนเจนซี่และบริษัทจัดหาคนมีความสามารถรายใหญ่หลายแห่งพร้อมจะตัดความสัมพันธ์ (หรืออย่างน้อยก็ขึ้นศาล) กับวอร์เนอร์ฯ ซึ่งบางส่วนเป็นบริษัทที่มีความสัมพันธ์กับวอร์เนอร์ฯ มาเป็นระยะเวลานาน
จนถึงตอนนี้มีเพียง กัล กาโดท์ และผู้กำกับ แพทตี้ เจนกินส์ ที่ได้รับเงินค่าจ้างล่วงหน้าอย่างงาม เนื่องจากมีการตกลงกันก่อนแล้วว่า Wonder Woman 1984 ว่าจะฉายในโรงและ HBO Max พร้อมกัน ในขณะที่บริษัทตัวแทนของนักแสดงคนสำคัญอื่นๆ ของวอร์เนอร์ฯ อย่าง เดนเซล วอชิงตัน, มาร์โก้ต์ ร็อบบี้, วิล สมิท, เคียนู รีฟส์, ฮิวจ์ แจ็คแมน และแองเจลิน่า โจลี่ กลับไม่ได้รับการปฏิบัติแบบนั้นอย่างเท่าเทียมกัน
ด้วยเหตุนี้คนจำนวนมากเลยรู้สึกว่าพวกเขาถูกหักหลังและเอารัดเอาเปรียบจากวอร์เนอร์ และมีความเป็นไปได้อย่างสูงว่าผู้กำกับและนักแสดงบางคนไม่เต็มใจจะร่วมงานกับวอร์เนอร์ฯ อีกแล้วในอนาคต ซึ่งอาจเป็น คริสโตเฟอร์ โนแลน (Tenet) เดนิส วิลล์เนิฟ (Dune), จอน เอ็ม ชู (In the Height) และ เจมส์ กันน์ (The Suicide Squad) ที่ออกมาพูดถึงเรื่องนี้อย่างไม่พออกพอใจ
ส่วนหนึ่งที่ทุกคนต่างไม่พอใจคงเป็นเพราะความไม่เป็นธรรมในเรื่องเงินๆ ทองๆ ครับ เนื่องจากที่ผ่านมานักแสดง ผู้กำกับ มือเขียนบท และผู้อำนวยการสร้างแถวหน้า จะได้รับเงินค่าจ้างเป็นสองส่วน ส่วนแรกเป็นค่าจ้างล่วงหน้า และอีกส่วนมาจากยอดขายตั๋ว แต่เมื่อวอร์เนอร์ฯ ตัดสินใจฉายหนังในโรงหนังและ HBO Max พร้อมกัน ทำให้เกิดความไม่แน่นอนของค่าจ้างที่ควรจะได้
ยิ่งเมื่อได้รู้อีกว่ากาโดท์และเจนกินส์ได้รับเงินจาก HBO Max ล่วงหน้าหลายล้านดอลลาร์จากการคาดการณ์ว่า Wonder Woman 1984 จะทำรายจากฉายโรงหลายพันล้านดอลลาร์หากไม่มีการระบาดของไวรัส และในรายงานยังบอกอีกว่านักแสดงบางส่วนของ Dune ถึงขั้นยอมลดค่าจ้างล่วงหน้าเพื่อลดต้นทุนของหนัง เพราะไปหวังรายรับจากส่วนแบ่งรายได้หนังในภายหลังแทน
นอกจากนี้จากแผนการดังกล่าว HBO Max จะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมสำหรับฉายหนังพร้อมกันเป็นเวลา 31 วันให้กับวอร์เนอร์ ซึ่งค่าธรรมเนียมก็คิดจากยอดขายตั๋วในสหรัฐฯ ที่หักส่วนแบ่งของโรงหนังไปแล้ว (ปกติแล้วสตูดิโอและโรงหนังจะแบ่งกัน 50-50) แต่เนื่องจากทั้งคู่มีเจ้าของเป็นบริษัทเดียวกันคือ WarnerMedia มันก็เลยเหมือนควักเงินจากกระเป๋าซ้ายย้ายไปกระเป๋าขวา ซึ่งคนมองกันว่าวอร์เนอร์ฯ ทำเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองมากกว่าที่จะเป็นคู่ค้า
นี่คงเป็นฝันร้ายครั้งใหญ่ของวอร์เนอร์ฯ ที่จะต้องรีบสะสางโดยเร็วก่อนที่มันจะกลายเป็นคดีความใหญ่โตขึ้นมาครับ