หน้าแรก Article หนทางสู่การทำลายคำสาปวิดีโอเกมของ The Last of Us

หนทางสู่การทำลายคำสาปวิดีโอเกมของ The Last of Us

เมื่อปี 2013 เกม The Last of Us ของค่ายนอตีด็อกได้วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ก่อนจะกลายเป็นเกมที่ขายได้เร็วที่สุดในรอบหลายปีและได้รับการขนานนามว่าเป็นหนึ่งในเกมที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา ซึ่งนี่ทำให้ฮอลลีวูดต่างตาลุกวาวและอยากดัดแปลงเกมไปเป็นหนัง

“บริษัทโปรดักชันแห่งหนึ่งบอกว่า ‘พวกคุณทำเกมได้ยอดเยี่ยมมาก เราจะนำเรื่องราวอันนี้ไปดัดแปลงใหม่'” นีล ดรักแมนน์ ผู้สร้างเกมต้นฉบับกล่าว “แต่ผมคิดว่า ‘พวกเขาไม่ได้เคารพสิ่งที่อยู่ในนั้นเลย พวกเขาแค่มองมันว่าเป็นโอกาสทางการตลาด'”

สุดท้าย ดรักแมนน์ก็ได้พัฒนาหนังด้วยตัวของเขาเองร่วมกับ สกรีนเจมส์ และได้ผู้กำกับ แซม ไรมี มารับหน้าที่กำกับ แต่การพยายามบีบอัดเกม 15 ชั่วโมงให้เหลือเพียง 2 ชั่วโมงนั้นดูเหมือนเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย

ดรักแมนน์เลยหวังว่าโครงการนี้จะล่มไปซะ แล้วเขาก็ได้ตามสมปรารถนา สิทธิ์การสร้างกลับมายังนอตีด็อกอีกครั้งและเขาไม่คิดว่าการดัดแปลงเกมให้เป็นฉบับคนแสดงจะเกิดขึ้นอีก กระทั่งเขาได้ชมซีรีส์ Chernobyl ของ HBO ที่สร้างโดย เคร็ก มาซิน

หากเทียบกับวิดีโอเกม มาซินเรียกได้ว่าเขียนบทใน “โหมดยาก” มานานหลายทศวรรษ เขาเคยเขียนบทหนังตลก, มีเครดิตในหนัง Hangover และหนังชุด Scary Movie, ทำรายการพอดแคสต์เกี่ยวกับการเขียนบท Scriptnotes และวิจารณ์งานเพื่อนของเขาอย่าง เดวิด เบนิออฟ และ แดน ไวสส์ หลังจากที่ได้ชมตอนนำร่องของซีรีส์ Game of Thrones จนทำให้พวกเขาต้องถ่ายซ่อมเสียใหม่

“พวกนายมีปัญหาใหญ่แล้ว” มาซินกล่าวในเวลานั้น

แต่โครงการแรกที่มาซินคิดว่าเขาเป็นเจ้าข้าวเจ้าของจริงๆ ก็คือ Chernobyl ซีรีส์ที่เกี่ยวกับภัยพิบัติโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ของสหภาพโซเวียตในปี 1986 ที่พอมาซินไปชนะรางวัลเอมมีส์ถึง 10 สาขา

เมื่อดรักแมนน์ได้ชม Chernobyl ซึ่งมีบรรยากาศตรึงเครียดและการต่อสู้เพื่อความอยู่รอด เขาก็นึกภาพออกทันทีว่า The Last of Us จะมีหน้าตาเป็นยังไงเมื่อมันเป็นซีรีส์ ดรักแมนน์จึงนัดคุยกับมาซินเพื่อหาความเป็นไปได้ในการทำงานร่วมกัน และโชคดีที่มาซินเห็นตรงกับเขา

“กระบวนการมันจะเป็นยังไงครับ” ดรักแมนน์ถามมาซินอย่างไม่มั่นใจ ก่อนที่มาซินจะตอบด้วยความมั่นใจว่า “เราจะข้ามไปฝั่งตรงข้าม แล้วผมก็จะบอก HBO ว่าผมอยากให้นี่เป็นโครงการต่อไปของเรา เราจะทำมัน!”

ในความเป็นจริงแล้ว ความมั่นใจของมาซินไม่ได้สูงขนาดนั้น เพราะเขาไม่ได้ข้ามถนนไปจริงๆ แต่เป็นการส่งอีเมลถึงประธาน HBO อย่าง แคซีย์ บลอยส์ ว่า “ได้โปรดให้ผมทำเรื่องนี้เถอะ ได้โปรด ได้โปรด ได้โปรด…”

พอถึงวันที่ทั้งคู่ต้องเสนอไอเดียให้บลอยส์ฟัง ดรักแมนน์บอกว่าการนำเสนอของมาซินที่เล่าเรื่องราวความรักของพ่อท่ามกลางดินแดนรกร้างเป็นอะไรที่น่าทึ่ง ซึ่งเป็นหนึ่งในบทเรียนที่มาซินได้รับมาหลังอยู่ในวงการมานาน นั่นคือ “อย่าเสนอพล็อต แต่ให้นำเสนอความหลงใหล”

“เขาเป็นนักเล่าเรื่องที่เก่งมาก” ดรักแมนน์บอกว่าเขาถึงเอนหลังและกอดอกอย่างตกตะลึงขณะฟัง “ผมพบว่าตัวเองสะเทือนใจกับเรื่องราวที่ผมไม่ควรจะสะเทือนใจอีกต่อไป ไม่ว่าจะด้วยความตั้งใจหรือด้วยจุดประสงค์ใดก็ตาม ผมรับรู้ได้ทันทีว่านี่คือสิ่งที่ผมพลาดไปทุกครั้ง ผมไม่มีพาร์ทเนอร์ที่เหมาะสม”

เมื่อพวกเขาเสนอไอเดียผ่าน การเขียนบทซีซั่นแรกก็เริ่มต้นขึ้นพร้อมๆ กับการคัดเลือกนักแสดง และพวกเขารู้ดีว่า เอลลี่ ต้องเป็นบทที่หานักแสดงได้ยากที่สุดแน่ๆ เพราะใครกันที่จะสามารถรับบทเป็นเด็กอายุ 14 ปีได้อย่างที่แฟนเกมตกหลุมรัก

“เราต้องการคนที่ดูแข็งแกร่ง เปราะบาง และฉลาดเกินอายุ และมีศักยภาพที่จะใช้ความรุนแรงด้วย” ดรักแมนน์บอกว่าพวกเขาดูนักแสดงหลายสิบคนเพื่อหาคนที่เหมาะสมที่สุด กระทั่งมาซินได้เห็นเทปออดิชั่นของ เบลล่า แรมซีย์ (Game of Thrones)

“เบลล่ารู้สึกเหมือนจริงมาก” มาซินกล่าว ซึ่งดรักแมนน์ก็เห็นด้วย “มันเหมือนกับว่าเราเห็นเอลลีในฉบับคนแสดงแล้ว ไม่รู้สึกเหมือนดูนักแสดงอยู่เลย”

แรมซีย์เปลี่ยนจากการออดิชั่นมาเป็นรับบทนี้ในเวลาไม่ถึงหนึ่งเดือน ซึ่งนับว่าเร็วมากๆ สำหรับซีรีส์สักเรื่อง ส่วนบทโจเอล เปโดร ปาสคาล เป็นคนที่กระโดดเข้ามาร่วมวงอย่างรวดเร็วหลังจากอ่านบทครั้งแรกแล้วชอบอย่างมาก

“วิธีทำลายคำสาปของวิดีโอเกมคือการดัดแปลงเรื่องราวของเกมที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา ไม่ใช่แค่เล็กน้อยนะ แต่ต้องดีมากๆ” มาซินกล่าวอย่างมั่นใจ “ผมเหมือนกดสูตรโกง”

ซีรีส์มีกำหนดฉายบน HBO GO วันที่ 16 มกราคมนี้