แม้ว่าเมื่อเร็วๆ นี้ เน็ตฟลิกซ์จะมีซีรีส์ออกมามากมายอย่าง First Kill, Warrior Nun, The Midnight Club และ 1899 ที่ต่างได้รับความนิยมอย่างมากจากจำนวนชั่วโมงรับชม แต่ทว่าเน็ตฟลิกซ์กลับยกเลิกสร้างซีรีส์เหล่านี้จนเรื่องราวที่ค้างเติ่งต้องจบลงดื้อๆ
ในขณะที่หลายคนเชื่อว่าเน็ตฟลิกซ์ยกเลิกสร้างซีรีส์โดยไม่ใช้หัวคิด แต่ล่าสุดมีรายงานจาก Forbes บอกว่าเน็ตฟลิกซ์อาจใช้สิ่งที่เรียกว่า “อัตราการดูจบ” เพื่อวัดว่าซีรีส์เรื่องไหนจะได้ไปต่อในซีซั่นถัดไป
จากข้อมูลของบริษัทภายนอกที่เก็บข้อมูลการชมเนื้อหาของเน็ตฟลิกซ์บอกว่า เงื่อนไขก็คือหากซีรีส์เรื่องไหนมีอัตราการดูจบต่ำกว่า 50% เรื่องนั้นมีแนวโน้มว่าจะถูกยกเลิก
ยกตัวอย่างเช่นซีรีส์ First Kill ที่ถึงแม้จะมีชั่วโมงรับชมเยอะกว่า Heartstopper แต่เรื่องหลังกลับได้ไปต่อในซีซั่นสอง ในขณะที่เรื่องแรกถูกยกเลิก นั่นเป็นเพราะ Heartstopper มีอัตราการการดูจบอยู่ที่ 73% ส่วน First Kill มีเพียง 44% เท่านั้น
สำหรับซีรีส์ 1899 ที่คนพูดถึงกันมาก มีอัตราการดูจบเพียง 32% จึงถูกตัดจบไปแบบไม่ใยดี แต่สำหรับ Squid Game มีอัตราการดูจบสูงถึง 87% จึงได้ไปต่ออย่างที่เคยมีประกาศออกมา
นอกจากนี้ Forbes ยังตั้งข้อสังเกตไว้อีกสามประการ ประการแรกคือการวัดด้วยอัตราการดูจบแบบนี้จะทำให้ผู้ชมราวๆ 30-40% ไม่พอใจที่ซีรีส์ที่ตัวเองดูถูกยกเลิก แถมยังทำให้คนไม่ดูซีรีส์ที่คิดว่าจะถูกยกเลิกในอนาคตอยู่ดีตามไปด้วย
ประการที่สอง อัตราการดูจบส่งผลดีกับซีรีส์ที่มีความยาวในแต่ละตอนสั้นกระชับอย่าง Heartstopper (8 ตอน ตอนละ 30 นาที) แต่ส่งผลเสียกับ First Kill ที่มี 8 ตอนเท่ากัน แต่ยาวตอนละ 40-50 นาที และสุดท้าย ทุนสร้างก็เป็นหนึ่งในตัวชี้วัดควบคู่ไปกับอัตราการดูจบ แปลว่าแม้ซีรีส์เรื่องนั้นจะมีอัตราการดูจบที่ต่ำ แต่หากทุนสร้างไม่สูงมาก ก็มีสิทธิ์ได้ไปต่อ
อย่างไรก็ดีนี่เป็นเพียงการคาดการจากข้อมูลที่เก็บจากบริษัทภายนอก ไม่ได้มาจากเน็ตฟลิกซ์ แต่ถ้าในอนาคตมีซีรีส์เรื่องไหนถูกยกเลิกอีก แม้จะมีชั่วโมงรับชมที่สูงมาก ให้สันนิษฐานไว้เลยว่าคนที่เปิดดูซีรีส์เรื่องนี้ส่วนใหญ่ดูไม่จบนั่นเอง