หนัง Romeo and Juliet ฉบับปี 1968 ที่กำกับโดย ฟรังโก เซฟลิเรลลี และรับบทนำโดย โอลิเวีย ฮัสซีย์ และ ลีโอนาร์ด ไวทิง นับเป็นฉบับที่ประสบความสำเร็จมากๆ จากการเข้าชิงรางวัลออสการ์ถึง 4 สาขา แต่ถึงอย่างนั้นหนังก็ทำให้เกิดการถกเถียงมากมายถึงเรื่องฉากเปลือยกายนักแสดงนำทั้งสองที่เห็นก้นของไวทิงและหน้าอกของฮัสซีย์
ล่าสุดมีรายงานจากวาไรตี้บอกว่า ฮัสซีย์และไวทิงในวัย 70 ปีได้ยื่นฟ้องต่อศาลสูงซาตาโมนิการ์เมื่อวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่น โดยกล่าวหาว่าพาราเมาท์แสวงหาประโยชน์ทางเพศจากพวกเขา และเผยแพร่ภาพเปลือยของพวกเขาที่ยังเป็นเด็กอยู่
พวกเขาบอกว่า เซฟลิเรลลีที่เสียชีวิตไปเมื่อปี 2019 เคยให้คำมั่นสัญญากับทั้งคู่ว่าจะไม่มีฉากเปลือยกายของพวกเขาในหนังและพวกเขาจะสวมชุดชั้นในในฉากห้องนอน แต่ปรากฏว่าในวันสุดท้ายของการถ่ายทำ เซฟลิเรลลีกลับขอให้พวกเขาถอดเสื้อผ้าถ่ายฉากดังกล่าว “ไม่งั้นหนังเรื่องนี้จะล้มเหลว” ซึ่งตอนนั้นฮัสซีย์กับไวทิงอายุเพียง 15 และ 16 ปีตามลำดับ
“สิ่งที่พวกเขาบอกและสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นอะไรที่แตกต่างกันเลย” โทนี มาริโนซซี ผู้จัดการธุรกิจของฮัสซีย์กับไวทิงกล่าว “ว่ากันตามตรง ตอนอายุ 16 ปี พวกเขาจะทำอะไรได้? มันไม่มีทางเลือกอื่น มันยังไม่มี #MeToo”
ตามคำร้อง ฮัสซีย์และไวทิงได้รับความทุกข์ทรมานทางจิตใจตลอด 55 ปีที่ผ่านมานับตั้งแต่หนังออกฉาย และยังสูญเสียโอกาสในการทำงานอีกด้วย และเชื่อว่าค่าเสียหายครั้งนี้น่าจะเกิน $500 ล้าน
“ภาพเปลือยผู้เยาว์เป็นสิ่งผิดกฎหมายและไม่ควรถูกนำไปแสดง” โซโลมอน เกรเซน ทนายความของนักแสดงกล่าว “พวกเขาเป็นเด็กไร้เดียงสาในยุค 60 ที่ไม่เข้าใจว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับพวกเขา พวกเขาเกิดมีชื่อเสียงในระดับที่พวกเขาคาดไม่ถึงขึ้นมา และยังถูกล่วงละเมิดในแบบที่พวกเขาไม่รู้ว่าจะรับมือยังไงด้วย”
เมื่อปี 2018 ฮัสซีย์เคยให้สัมภาษณ์กับวาไรตี้ในเชิงปกป้องฉากเปลือยกายของหนังว่า “ไม่เคยมีใครในวัยเดียวกับฉันทำแบบนั้นมาก่อน มันจำเป็นสำหรับหนังเรื่องนั้น” และอีกครั้งกับฟ็อกซ์นิวส์ว่าถึงแม้ฉากเปลือยกายจะเป็นสิ่งต้องห้ามในอเมริกา แต่มันเป็นเรื่องปกติในหนังยุโรปในช่วงเวลานั้น
ปัจจุบันยังไม่มีความเห็นของพาราเมาท์ออกมา