หลายปีดีดักที่ โรเบิร์ต แพตทินสัน พยายามให้ผู้ชมลืมภาพเขาในมาดแวมไพร์หนุ่มหน้าซีดในหนังชุด The Twilight เขาจึงต้องออกห่างจากหนังบล็อคบัสเตอร์แล้วหันไปเล็นหนังเล็กๆ แทนเพื่อพิสูจน์ความสามารถ ไม่ว่าจะเป็น The Rover, Maps to the Stars, Life, The Lost City of Z, High Life และ Good Time
แม้แพตทินสันจะได้รับบทที่หลากหลายมากขึ้น ได้สำรวจความเป็นมนุษย์ที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น อีกทั้งผลงานเหล่านั้นก็ได้ผลตอบรับที่ดี แต่ปรากฏว่ามันได้ส่งผลกระทบต่ออาชีพการงานของเขาแบบไม่ทันตั้งตัว
”ต้นปีที่แล้วผมไม่มีงานทำเลย เอเยนต์โทรหาผมแล้วบอกว่าหนังผมได้คำวิจารณ์ดีนะ แต่ผมก็ตอบไปว่า ‘แล้วไงวะ? ผมคิดว่าปีนี้จะเป็นปีที่ดี แล้วผมก็เริ่มต้นปีด้วยการไม่มีงานทำเลย’ แล้วเอเยนต์ก็บอกกับผมว่า ‘นายไม่ใช่คนที่อยู่ในลิสท์ ลิสท์ของนักแสดงเกรดเอที่ได้รับบทเกรดเอ ไม่ใช่เพราะว่านายไม่อยากได้บทเหล่านั้น แต่เป็นเพราะทุกคนพากันคิดว่านายไม่อยากเล่นต่างหาก’”

แต่สิ่งที่แพตทินสันรู้คือจริงๆ แล้วเขาอยากได้ความมั่นคงปลอดภัย “แค่อะไรสักอย่างที่ผมไว้วางใจได้” เขาพูดพร้อมถอนหายใจ “ปัญหาที่ผมเจอก็คือไม่ว่าผมจะรักหนังที่ผมทำมากแค่ไหน ไม่เคยมีใครเห็นมัน มันน่ากลัวนะ เพราะผมไม่รู้ว่ามันเกิดเรื่องนี้ขึ้นได้ยังไงกับอาชีพนี้ ผมไม่รู้ว่ามีสักกี่คนในอุตสาหกรรมนี้ที่พร้อมจะสนับสนุนคุณโดยไม่มีเรื่องธุรกิจเข้ามาเกี่ยว”
แต่แล้วจุดเปลี่ยนของเขาก็มาถึง เพราะช่วงปลายปีที่แล้วแพตทินสันได้เล่น Tenet หนังของหนึ่งในผู้กำกับที่ทรงอิทธิพลที่สุดในฮอลลีวูดอย่าง คริสโตเฟอร์ โนแลน ซึ่งได้เห็นศักยภาพของเขาจากผลงาน Good Time และ The Lost City of Z
“ดูเหมือนว่าร็อบจะอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะเจาะในอาชีพของเขาเพื่อต้องการร่วมหัวจมท้ายและสร้างสรรค์ร่วมกับผม” โนแลนบอก
และในวันแรกของการถ่ายทำ Tenet แพตทินสันก็ได้ถูกเลือกให้เป็นแบทแมนด้วย
