หน้าแรก News วิบากกรรม Percy Jackson

วิบากกรรม Percy Jackson

ก่อนที่ซีรีส์ Percy Jackson and the Olympians จะฉายบน Disney+ ในวันที่ 20 ธันวาคมนี้ หลายคนคงจำได้ดีว่าหนังสือชุด Percy Jackson เคยถูกดัดแปลงเป็นหนังมาแล้วในปี 2010 ในชื่อ Percy Jackson & the Olympians: The Lightning Thief (2010) ก่อนจะมีภาคต่อในอีก 3 ปีถัดมาในชื่อ Percy Jackson: Sea of Monsters โดยได้ โลแกน เลอร์แมน, แบรนดอน ที. แจ็คสัน และ อเล็กซานดรา แดดดาริโอ รับบทตัวละครหลักของเรื่อง

แต่ทว่าหนังกลับได้รับผลตอบรับกลางๆ ทั้งคำวิจารณ์และรายได้ และที่สำคัญแฟนๆ หนังสือบางส่วนก็ไม่ได้ชอบหนังขนาดนั้นด้วย

ล่าสุดมือเขียนบทของหนัง เคร็ก ทิตลีย์ เปิดเผยเผยกับวาไรตี้ว่าจุดเริ่มต้นของหนังมันมาจากการที่ค่ายหนังต่างๆ ใช้เงินไล่ซื้อหนังสือที่มีเด็กสามคนไล่ล่าสัตว์ประหลาดมาเก็บไว้ หลังจากเห็นความสำเร็จของหนัง Harry Potter (2004) ซึ่งในกรณีของฟ็อกซ์ก็คือการเข้าซื้อลิขสิทธิ์ Percy Jackson เพื่อไล่ตามความสำเร็จนั้น

อย่างไรก็ดี แหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับฝ่ายผลิตภาพยนตร์ในเวลานั้นบอกว่า “ปัญหามันอยู่ที่ ทอม ร็อธแมน (ซีอีโอและประธานของฟ็อกซ์ในช่วงปี 2000-2012) เขามีชื่อเสียงด้านการทำหนังราคาถูก ฉะนั้นแล้วถ้าหาก Harry Potter คือสิ่งที่คุณกำลังมุ่งเป้า คุณก็จะได้หนังที่ไม่สมประกอบไปโดยอัตโนมัติ”

“เขารู้สึกว่าถ้าหนังสือชื่อดังขายได้ด้วยการตลาด ทำไมต้องเสียเงินแพงๆ สร้างหนังสักเรื่องด้วยล่ะ“

ด้วยเหตุนี้เอง เทคนิคพิเศษที่อยู่ในหนังจึงออกมาย่ำแย่เมื่อเทียบกับสิ่งที่อยู่ในหนังสือ ซึ่งทิตลีย์ยืนยันว่าข้อจำกัดด้านงบประมาณนำไปสู่การแก้บทอย่างมีนัยสำคัญ รวมไปถึงการเปลี่ยนบางโมเมนต์สำคัญๆ ในหนังสือเล่มแรกด้วย

เรื่องนี้ส่งผลให้ผู้เขียนหนังสือ ริค ไรออร์แดน พยายามโน้มน้าวใจให้ฟ็อกซ์หาวิธีดัดแปลงงานของเขาให้ดีขึ้น (หนึ่งในนั้นคือการให้โน้ตอย่างละเอียดยิบ) แต่ฟ็อกซ์ก็ไม่เคยแยแสความเห็นของเขา

เมื่อพิจารณาจากประสบการณ์แย่ๆ ทั้งหลาย ไรออร์แดนเลยหันหลังให้กับฮอลลีวูดไปในที่สุด

“โดยพื้นฐานผมละทิ้งฮอลลีวูดไปนานแล้ว” ไรออร์แดนกล่าว “ผมไม่อยากมีส่วนเกี่ยวข้องกับวงการภาพยนตร์ ผมพูดอยู่หลายปีว่า ‘ผมไม่อยากมีส่วนร่วม ผมไม่อยากคิดถึงการดัดแปลงใดๆ ผมพอแล้ว’ แต่เมื่อเริ่มมีความชัดเจนว่ามีบางอย่างกำลังจะเกิดขึ้น ผมเลยคุยกับภรรยาผม เบ็คกี้ อยู่นานมาก ก่อนจะสรุปได้ว่า ‘เอาล่ะ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น มันคงจะดีถ้าได้ลองอีกสักตั้ง’”

แล้วสิ่งนั้นก็คือซีรีส์บน Disney+ นั่นเอง ซึ่งไรออร์แดนยืนยันว่า “มันจะความเครพต่อต้นฉบับมากขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่แฟนๆ อยากเห็นจริงๆ”