ในขณะที่ No Time to Die เป็นเรื่องราวของ เจมส์ บอนด์ ที่ต้องกลับมารับภารกิจเพื่อกำจัดศัตรูลึกลับ ล่าสุดผู้กำกับ แครี่ ฟุคุนางะ ได้เปิดเผยระหว่างสัมภาษณ์กับ Interview Magazine ว่าเขาเคยมีความคิดว่าอยากให้หนังเกือบทั้งเรื่องเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในหัวของบอนด์ ซึ่งเป็นไอเดียที่ทั้งเสี่ยงและท้าทายในเวลาเดียวกัน
“ผมเคยมีแนวคิดว่าหนังเรื่องนี้มีฉากหลังเป็นที่ซ่อนของวายร้ายจากหนังเรื่องก่อนหน้า มีฉากที่เข็มถูกเจาะเข้าไปในหัวของ เจมส์ บอนด์ ซึ่งทำให้เขาลืมทุกอย่างไป และเขาก็หนีออกมาได้อย่างปาฏิหาริย์ด้วยระเบิดนาฬิกา จากนั้นเขาและ เลอา (แซดู) ระเบิดที่ซ่อนทิ้งและคลี่คลายสถานการณ์ได้สำเร็จ ประมาณว่า ‘จะเป็นยังไงถ้าทุกอย่างจนกระทั่งจบองก์ 2 ของหนังเป็นสิ่งที่อยู่ในหัวของเขาทั้งหมด?'”
No Time to Die ว่าด้วยเรื่องราวของบอนด์ที่ออกจากงานปฏิบัติการและกำลังมีความสุขกับชีวิตอันเงียบสงบในจาไมก้า แต่ความเงียบสงบนั้นก็คงอยู่เพียงช่วงเวลาสั้นๆ เมื่อเฟลิกซ์ เลเทอร์ เพื่อนเก่าจากซีไอเอ มาขอให้ช่วยงาน โดยมีเป้าหมายคือช่วยชีวิตนักวิทยาศาสตร์ที่ถูกลักพาตัวไป ซึ่งเหตุการณ์นี้ดูเลวร้ายกว่าที่คิดไว้ ทำให้บอนด์ต้องเข้าไปเผชิญกับศัตรูลึกลับที่ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่สุดอันตรายเป็นอาวุธ
เขียนบทและกำกับโดย ฟูกูนากะ จากซีรีส์ True Detective ร่วมเขียนบทโดย ฟีบี้ วอลเลอร์-บริดจ์ (Fleabag, Killing Eve) ที่เขียนร่วมกับ สก็อต ซี. เบิร์น (Contagion) มีกำหนดฉายในสหรัฐฯ 25 พฤศจิกายนปีนี้