เมื่อพูดถึงหนังเหงาๆ Lost in Translation ของผู้กำกับ โซเฟีย คอปโปลา คงผุดขึ้นมาในใจใครหลายๆ คน กับเรื่องราวของหนุ่มวัยกลางคนและหญิงสาวที่บังเอิญมาพบกันในกรุงโตเกียว ท่ามกลางอารมณ์สับสน เปลี่ยวเหงา ก่อเกิดมิตรภาพแสนพิเศษระหว่างทั้งคู่ จนนำไปสู่ฉากจบแสนตราตรึงเมื่อบ็อบกระเสือกกระสนไปบอกลาชาร์ล็อตเป็นครั้งสุดท้าย ด้วยเสียงกระซิบกระซาบเบาหวิว แต่ชวนเศร้าไม่น้อย
บ็อบพูดอะไรกับชาร์ล็อต?
นี่คงเป็นคำถามของใครหลายคนหลังชมหนังจบ มีหลายทฤษฎีเกิดขึ้นในหมู่แฟนหนังที่พยายามแกะห้วงเสียงที่ไม่อาจได้ยิน อย่างเช่นว่า “ผมจะไปแล้ว แต่ผมจะไม่ยอมให้มีอะไรมากั้นขวางเรา โอเคนะ?” หรือ “เมื่อไหร่ที่จอห์นกำลังรอไปทำงานครั้งต่อไป ไปหาเขาแล้วบอกความจริงกับเขา โอเคไหม?” หรือประโยคที่เข้าท่ามากที่สุดอย่าง “สัญญากับผม สิ่งต่อไปที่คุณจะทำคือไปหาเขาแล้วบอกความจริง โอเคไหม?”
อย่างไรก็ตามไม่เคยมีการเฉลยว่าทั้งคู่พูดคุยอะไรกัน แม้แต่คอปโปล่าเองก็ยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นตอนถ่ายทำฉากนั้น เนื่องจากบิลกับสการ์เล็ตต์ด้นสดกันเอง และมันก็ลงเอยได้ดีกว่าที่เขียนไว้ในบทมาก
“ที่บิลพูดกระซิบกับสการ์เล็ตต์ไม่ได้มีเจตนาที่จะสื่อถึงอะไรเลย ฉันเคยคิดออกว่าจะให้เขาพูดอะไรแล้วจะใส่มันเข้าไปในหนัง แต่ก็ไม่เคยลงมือทำหรอก” คอปโปล่ากล่าว “มันเป็นเรื่องระหว่างพวกเขา รู้แค่ว่าสัปดาห์นั้นมีความหมายต่อทั้งคู่และมันส่งผลต่อการกลับไปใช้ชีวิตเดิมของพวกเขาก็แค่นั้น”
“ฉันชอบที่บิลมักพูดถึงเรื่องนี้ว่า ‘มันเป็นเรื่องของคนสองคน ผมจะปล่อยมันไว้แบบนั้นแหละ”
อ่านเรื่องน่ารู้อื่นๆ ได้ ที่นี่