เนื่องในโอกาสครบรอบ 20 ปีของหนัง The Lord of the Rings: The Fellowship of the Ring ทาง The Independent จึงได้มีโอกาสสัมภาษณ์ เคน คามินส์ ผู้จัดการของผู้กำกับ ปีเตอร์ แจ็คสัน ถึงเรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับหนังชุดนี้
มีอยู่ช่วงหนึ่ง คามินส์ได้เปิดเผยว่า ฮาร์วีย์ ไวน์สตีน ผู้อำนวยการสร้างสุดฉาวที่มีส่วนรับผิดชอบในการสร้างหนังในเวลานั้น เคยขู่แจ็คสันว่าเขาจะเอา เควนติน ตารันติโน่ มากำกับหนังชุดนี้แทนเขาเสีย ถ้าหากแจ็คสันยังไม่ยอมลดความยาวของหนังลง
“ฮาร์วีย์ขู่จะให้ เควนติน ตารันติโน่ มากำกับ ถ้าปีเตอร์ทำให้หนังยาวสองชั่วโมงครึ่งไม่ได้ ซึ่งเป็นอะไรที่ตรงกันข้ามกับสิ่งที่เขาเคยบอกกับเราในทีแรก”
การพัฒนาหนังชุด The Lord of the Rings เริ่มต้นขึ้นที่มิราแม็กซ์ ซึ่งตอนนั้นมีบ็อบและฮาร์วีย์ ไวน์สตีน เป็นคนบริหาร และเป็นหนังที่เกิดจากข้อตกลงแบบ first-look ระหว่างแจ็คสันกับสองพี่น้องไวน์สตีน แต่เมื่อเกิดปัญหาเกี่ยวกับทุนสร้างของหนัง ความตึงเครียดจึงได้เริ่มปะทุขึ้นระหว่างการสนทนาของพวกเขา ซึ่งคามินส์บอกว่านั่นเป็นตอนที่พวกเขาสามารถขายหนังให้ นิวไลน์ ได้สำเร็จพอดี
นอกจากปัญหาความยาวแล้ว จำนวนภาคที่นิวไลน์และสองพี่น้องไวน์สตีนต้องการก็ยังต่างกันด้วย เพราะนิวไลน์ต้องการสามภาคตามหนังสือ ขณะที่พี่น้องไวน์สตีนอยากได้แค่สองภาค
“จริงๆ แล้วบ็อบ (เชย์, ผู้ก่อตั้งนิวไลน์) มีไอเดียว่าจะทำหนังสามภาคแทนที่จะเป็นสองภาค ซึ่งไอเดียดั้งเดิมของการเสนอขายหนังคือการทำหนังสองภาค แต่บ็อบบอกว่า ‘ก็หนังสือมันมีสามเล่ม ทำไมคุณถึงอยากทำแค่สองภาคล่ะ'” มาร์ค ออร์เดสกี ผู้อำนวยการสร้างของนิวไลน์ กล่าว
และดูเหมือนว่าทุกอย่างก็เป็นไปได้ด้วยดี แจ็คสันได้ทำหนัง The Lord of the Rings ทั้งหมดสามภาค และยาวเกิน 2 ชั่วโมงครึ่งทุกภาคด้วยครับ