เควิน ไฟกี เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะประธานมาร์เวลสตูดิโอ สตูดิโอผู้สร้างจักรวาลอันมหัศจรรย์อย่าง Marvel Cinematic Universe หรือที่เราเรียกกันติดปากว่า MCU แฟรนไชส์ที่มีแผนใหญ่คือการสร้างจักรวาลในคราบภาพยนตร์ที่มีเนื้อเรื่องร้อยเรียงกันอย่างที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน แฟรนไชส์ที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงขนบการสร้างหนังในฮอลลีวูดไปตลอดกาล
แต่ก่อนที่จะกลายมาเป็นหนึ่งในผู้ทรงอิทธิพลในวงการภาพยนตร์ เขาเริ่มชีวิตการทำงานจากจุดไหนมาก่อน และอะไรที่ทำให้เขาก้าวขึ้นมาสู่จุดนี้ได้ เรามารู้จักกับเขาให้มากขึ้นในบทความนี้กันครับ
เควิน ไฟกี เกิดที่บอสตันก่อนที่จะย้ายไปเติบโตที่นิวเจอร์ซี่ย์ตอน 3 ขวบ ไฟกีเป็นเด็กหนุ่มผู้คลั่งไคล้การเล่นฟิกเกอร์ อ่านคอมมิค และดูหนัง ทำให้เขารู้ตัวทันทีว่าชีวิตของเขาจะต้องไปจบลงที่วงการบันเทิงสักแขนงหนึ่ง สุดท้ายเขาก็ได้ดั่งใจฝันด้วยการเข้าเรียนที่สถาบันภาพยนตร์ U.S.C. หลังจากถูกปฏิเสธมา 5 ครั้ง “ผมสมัครเข้าทุกเทอม สุดท้ายผมก็เข้าเรียนจนได้” ไฟกีบอก
ระหว่างการเรียนที่ U.S.C. ไฟกีได้เข้าไปฝึกงานและสร้างความประทับใจให้กับผู้อำนวยการสร้างหนัง ริชาร์ด และ ลอเรน ชูเลอร์ ดอนเนอร์ ผู้ที่ปัจจุบันกลายเป็นผู้อำนวยการสร้างแฟรนไชส์ยักษ์ใหญ่อย่าง X-Men สองปีให้หลังเขาถูกเรียกตัวให้มาทำงานด้วยอีกครั้งในฐานะผู้ช่วยฝ่ายผลิต
“งานนั้นคือการพาหมาไปเดินเล่น เตรียมมื้อเที่ยง และล้างรถ” ไฟกีเล่าถึงงานที่ไม่ตรงกับที่คิดไว้ แต่เรื่องนี้ก็ไม่ได้ทำให้เขาย่อท้อเพราะคิดว่านี่คือจุดเริ่มต้นของการไขว่คว้าฝันที่ใหญ่กว่า “ผมคิดว่าผมทำได้แล้ว ผมคิดว่าผมได้มาถึงจุดสำเร็จสูงสุดในฮอลลีวูดแล้ว”
หลังจากอยู่เบื้องหลังหนังฮีโร่ทั้งสิ้น 7 ปี นับตั้งแต่ X-Men ภาคแรกเรื่อยมาจนถึง Fantastic 4: Rise of the Silver Surfer เขาก็ถูกผู้บริหารมาร์เวลเอ็นเตอร์เท็นเมนท์ เอวี่ อาราด เชื้อเชิญให้เข้าไปนั่งตำแหน่งประธานค่ายหนังเล็กๆ ที่ชื่อว่า มาร์เวลสตูดิโอ ซึ่งนั่นคืองานยากกว่าครั้งไหนๆ เพราะในขณะที่สตูดิโออื่นเป็นเจ้าของตัวละครจากหัวคอมมิคที่นิยมในหมู่นักอ่านอย่าง ไอ้แมงมุม สี่พลังคนกายสิทธิ์ และเหล่ามนุษย์กลายพันธ์ แต่สำหรับมาร์เวลสตูดิโอกลับมีเพียงตัวละครเกรดรอง ซึ่งไฟกีที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวละครเหล่านั้นจะไปได้ไกลสักแค่ไหน
“เรามีแค่ตัวละครเกรดบี เป็นคำที่ แอล.เอ ไทม์ส หรือข่าวสำนักหนึ่งพาดหัวไว้ ผมไม่คิดว่ามันจะเป็นแบบนั้นนะ ผมคิดว่าพวกเขาทั้งหมดมีศักยภาพที่น่าทึ่ง เป้าหมายของเราคือการสร้างหนังสองเรื่อง คือทำหนังไอร์ออนแมนที่ดีที่สุดที่เราทำได้ และทำฮัลค์ฉบับที่ดีที่สุด”
ไฟกีบอกว่าการทำจักรวาลภาพยนตร์ไม่ได้อยู่ในหัวเขาตั้งแต่แรก เขาแค่อยากทำหนังที่ทำกำไรได้ แล้วก็เอาเงินไปทำหนังอีกเรื่องแค่นั้น แต่หารู้ไม่ว่าจักรวาลที่เราเห็นกันอยู่นี้ เกิดจากความนึกสนุกที่อยากจะใส่ แซมมวล แอล. แจ็คสัน เข้ามาสวมบทเป็น นิค ฟิวรี่ ในฉากท้ายเครดิตของ Iron Man
“เราใส่ฉากนั้นตอนท้ายเครดิตเพื่อไม่ให้คนหันเหจากตัวหนัง ผู้ชมพูดกันว่า ‘แซม แจ็คสัน มาทำอะไรในหนังเรื่องนี้? เกิดอะไรขึ้นเนี่ย?’ ผมคิดว่ามันทำให้เกิดการถกเถียงขึ้นในหมู่แฟนๆ ฮาร์ดคอร์ว่า ‘เดี๋ยวนะ นั่นหมายความว่า…’ กระทั่งวันจันทร์ถัดมานิตยสาร เอ็นเตอร์เทนเมนท์ วิคลี่ เขียนเกี่ยวกับ นิค ฟิวรี่ ว่าเขาเป็นใครและฉากนั้นหมายถึงอะไร มันเลยลุกลามเร็วกว่าที่ผมคาดไว้”
ถึงแม้จักรวาลนี้จะเกิดขึ้นจากความไม่ได้ตั้งใจ แต่คติการสร้างหนังที่ไฟกีไม่ทิ้งไปเลยก็คือทำหนังแต่ละเรื่องให้ดีที่สุด
“ตอนเรากำลังทำ Thor ภาคแรก มีคนถามผมว่า ‘เรื่องนี้อยู่ในโลกที่มีหนัง Iron Man ยืนพื้นหรือ? มันจะออกมาเวิร์คได้ยังไง?’ ผมตอบไปว่า ‘Iron Man ไม่ใช่ตัวยืนพื้น เขาแค่สร้างชุดเกราะเหล็ก ยิงปืนไฟในถ้ำและบินออกไป’ มันเป็นแค่เรื่องของหนังในช่วงเวลาตอนนั้นเสมอ ทุกคนในมาร์เวลสตูดิโอรู้ว่าหนังแต่ละเรื่องสำคัญกว่าภาพรวม คำแนะนำเดียวคืออย่าห่วงเรื่องจักรวาล ห่วงแค่หนังเรื่องเดียวก็พอ”
“เราไม่เคยเริ่มต้นสร้างจักรวาล เราแค่เริ่มสร้างหนัง Iron Man ที่ยอดเยี่ยม”
อ้างอิง vanityfair, npr, vanityfair