Marvel Studios นับว่าเป็นค่ายหนังที่เข้ามาเปลี่ยนการสร้างภาพยนตร์ไปตลอดกาล ด้วยการผสานเรื่องราวในหนังแต่ละเรื่องให้กลายเป็นจักรวาลบนจอใหญ่ในแบบที่เราไม่เคยสัมผัสมาก่อน แต่ใช่ว่าความประสบความสำเร็จจะเกิดขึ้นได้ง่ายราวกับดีดนิ้ว เพราะประธานมาร์เวลสตูดิโอ เควิน ไฟกี ยอมรับว่าแต่ก่อนพวกเขาขาดตัวละครที่จะช่วยให้ประสบความสำเร็จในระยะยาวได้ เนื่องจากในมือพวกเขาไม่มีตัวละครชื่อดังอย่าง Spider-Man หรือ X-Men ซึ่งไม่มีศักยภาพพอที่จะสู้กับค่ายคู่แข่งที่มี Superman กับ Batman ด้วยซ้ำ แต่ในที่สุดพวกเขาก็หาหนทางที่จะก้าวข้ามอุปสรรคนั้นและเอื้อมคว้าชัยชนะได้สำเร็จ
“เมื่อเรามองหาวิธีที่ทำตัวเองให้แตกต่าง อันดับแรกคือการสร้างหนัง Iron Man ภาคแรก และสร้างมันให้เป็นประสบการณ์ที่พิเศษเท่าที่คุณจะทำได้ ตอนนั้นมีหนังมาร์เวลมาแล้วหลายเรื่องแต่เราอยากที่จะแยกตัวออกไป หนึ่งในวิธีที่เรารู้ว่าเราจะสามารถแยกตัวออกได้ไม่ใช่การใช้ตัวละครชื่อดัง เพราะในตอนนั้นคำจำกัดความของตัวละครชื่อดังก็คือ สองสามปีที่ผ่านมาพวกเขามีทีวีโชว์หรือหนังหรือแอนิเมชั่นซีรีส์แล้วหรือยัง? ซึ่งตัวละครทั้งหมดนั้นถูกขายออกไปหมดแล้ว”
“แต่เรามีตัวละครนอกเหนือจากนั้นหมดทุกตัว และการที่เรามีทุกตัวนั้นหมายความว่าเราสามารถผสานพวกเขาเข้าด้วยกัน และสร้างจักรวาลบนจอใหญ่ในแบบเดียวกับหนังสือคอมมิค ดังนั้นมันไม่ใช่เรื่องหวือหวาอะไรเลย แต่สิ่งที่เราทำคือการเลียนแบบประสบการของแฟนคอมมิคขึ้นสู่จอใหญ่ หนึ่งในที่สุดของความปิติจากประสบการณ์นั้นคือตัวละครจากหนังสือเล่มหนึ่งปรากฏตัวในหนังสืออีกเล่มของตัวละครตัวอื่น”
การเสี่ยงดวงครั้งใหญ่ครั้งหนึ่งของมาร์เวลคือการดึงตัว โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ มารับบทมนุษย์เกราะเหล็ก โทนี่ สตาร์ค ซึ่งผลการเสี่ยงครั้งนั้นนำไปสู่ความสำเร็จอย่างที่คาดไม่ถึง และเป็นการปูทางไปสู่ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น
“เราเชื่อในตัวละคร โทนี่ สตาร์ค มากๆ” ไฟกีพูดถึงความเชื่อในตัวละครเปิดจักรวาล “เราเชื่อในความสามารถที่จะทำฮีโร่ในแบบที่คนไม่เคยเห็นมาก่อน เรื่องราวการไถ่บาปของเขาในหนัง และไอเดียที่ว่าเขาไม่มีพลังวิเศษ มันคือยานพาหนะ เป็นพาหนะที่ใช้การได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่สติปัญญาของเขาคือพลังวิเศษ เราคิดว่ามันน่าสนใจ”