เคต วินสเลต ดาราที่โด่งดังจาก Titanic ได้เปิดเผยความในใจระหว่างให้สัมภาษณ์กับ Vanity Fair ว่าเธอเสียใจที่เคยทำงานร่วมกับผู้กำกับชื่อดังอย่าง วูดดี้ อัลเลน และโรมัน โปลันสกี เพราะทั้งคู่ต่างเป็นผู้ถูกกล่าวหาว่าล่วงละเมิดทางเพศผู้เยาว์
“มันแบบ ฉันแม่งเคยทำงานกับวูดดี้ อัลเลน และโรมัน โปลันสกี ด้วยเนี่ยนะ ตอนนี้ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าผู้ชายสองคนนั้นถูกยกย่องอย่างสูงส่งและกว้างขวางในวงการภาพยนตร์ได้ยังไง โคตรน่าอับอายเลย”
วินสเลตเคยร่วมงานกับอัลเลนและโปลันสกีในหนังเรื่อง Wonder Wheel (2017) และ Carnage (2011) ตามลำดับ
“ฉันต้องออกมารับผิดชอบสำหรับความจริงที่ว่าฉันเคยทำงานร่วมกับพวกเขาทั้งคู่ ฉันไม่สามารถหมุนเวลาย้อนกลับไปได้ ฉันกำลังต่อสู้กับความเสียใจพวกนั้น แต่เราจะได้อะไรถ้าเรายังพูดเรื่องพวกนี้กันแบบตรงๆ ไม่ได้”
โปลันสกีถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานมีเพศสัมพันธ์กับผู้เยาว์ในปี 1977 แต่เขาได้หนีไปฝรั่งเศสเพื่อจะได้ไม่ติดคุกและทำหนังที่นั่นตั้งแต่นั้นมา ส่วนอัลเลน เขาถูกกล่าวหาว่าล่วงละเมิดทางเพศลูกสาวบุญธรรม ดีแลน แฟร์โรว์ ในปี 1992 แต่เขาก็ยังคงทำงานอยู่ในวงการฮอลลีวูดอยู่เรื่อยมา นี่จึงเป็นสาเหตุให้วินสเลตรู้สึกเสียใจเพราะก่อนหน้านี้เธอเลือกที่จะมุ่งความสนใจของตัวเองไปที่หน้าที่การงาน โดยไม่สนใจคำวิพากษ์วิจารณ์ที่เกิดขึ้นกับผู้กำกับทั้งสองคน
อย่างไรก็ดี ข้อกล่าวหาของทั้งสองกลับมาได้รับความสนใจอีกครั้ง หลังจากแฟร์โลว์มีการตีพิมพ์จดหมายเปิดในปี 2014 หลังจากที่อัลเลนได้รับรางวัล Golden Globe Cecil B. DeMille ซึ่งส่งผลให้ฮอลลีวูดถูกบีบให้ต้องทบทวนประเด็นของอัลเลนเสียใหม่
แน่นอนว่าวินสเลตไม่ใช่คนแรกที่ออกมาพูดถึงเรื่องนี้ เพราะการพูดถึงพฤติกรรมของอัลเลนถูกจุดประกายมาตั้งแต่การเคลื่อนไหว Time’s Up ที่เริ่มมาจากการเปิดโปง ฮาร์วีย์ ไวน์สตีน ผู้อำนวยการสร้างหนังชื่อดังที่ข่มขืนและก่ออาชญากรรมทางเพศเหยื่อหลายราย และคนสำคัญของการเคลื่อนไหวนี้ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็น โรแนน แฟร์โรว์ ลูกชายของอัลเลน ที่ออกมาเปิดโปงบุคคลต่างๆ ในวงการรวมถึงพ่อของเขา เป็นผลให้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาฮอลลีวูดต้องเผชิญกับการพิจารณาบทบาทของผู้ชายทรงอำนาจในฮอลลีวูดที่ใช้ตำแหน่งของพวกเขาในทางที่ผิด
ในขณะที่วินสเลตใช้ตำแหน่งหน้าที่การงานของตัวเองสนับสนุนให้เกิดการรับผิดชอบ นักแสดงอีกหลายคนที่เคยทำงานร่วมกับอัลเลนเมื่อเร็วๆ นี้ ก็บริจาคเงินเดือนของพวกเขาเพื่อการเคลื่อนไหวที่ผลักดันให้เกิดการรับผิดชอบ เช่น RAINN และ Time’s Up ด้วยเช่นกัน