หน้าแรก News จอห์น โบเยกา บอก Disney กีดกันตัวละครของเขาใน Star Wars เพราะเชื้อชาติของเขา

จอห์น โบเยกา บอก Disney กีดกันตัวละครของเขาใน Star Wars เพราะเชื้อชาติของเขา

ในบทสัมภาษณ์ของนิตยสาร GQ จอห์น โบเยกา นักแสดงวัย 28 ปีที่โด่งดังเพียงชั่วข้ามคืนจากหนังเรื่อง Star Wars: The Force Awakens ในปี 2015 ได้ออกมาแสดงความรู้สึกว่า ฟินน์ ตัวละครของเขาถูกกีดกันจากหนังเพียงเพราะเชื้อชาติของเขา

โบเยการับบทเป็น ฟินน์ สตรอมทรูปเปอร์กลับใจที่นับว่าเป็นตัวละครสำคัญหนังเปิดไตรภาคใหม่ไม่แพ้ เรย์ และไคโลเรน ซึ่งรับบทโดยนักแสดงอังกฤษ เดซี ริดลีย์ และนักแสดงสหรัฐฯ อดัม ไดรเวอร์ ตามลำดับ

“เราเข้าไปไปมีส่วนร่วมในโครงการต่างๆ และเราไม่จำเป็นจะต้องชอบทุกอย่าง แต่สิ่งที่ผมจะบอกดิสนีย์คืออย่าเอาตัวละครผิวดำมาทำการตลาดเพื่อให้พวกเขามีความสำคัญในแฟรนไชส์มากกว่าที่พวกเขาเป็น แล้วก็ผลักพวกเขาไปอยู่ด้านข้าง มันไม่ดีเลย ผมจะพูดตรงๆ แบบนี้แหละ”

โบเยกากำลังพูดถึงตัวละครของเขาในหนังเปิดไตรภาคใหม่ ที่ดูเหมือนจะเป็นตัวละครสำคัญ แต่ภายหลังกลับพบว่าเขาไม่ได้สำคัญอะไรขนาดนั้น เช่นเดียวกับนักแสดงผิวสีคนอื่นๆ อย่าง นาโอมิ แอ็คกี้, เคลลี แมรี ทราน หรือแม้แต่ ออสการ์ ไอแซ็ค ที่ได้รับการปฏิบัติแบบเดียวกัน โบเยก้ายอมรับว่าบางคนอาจบอกว่าเขา “บ้า” หรือ “สร้างเรื่องขึ้นมา” แต่การจัดลำดับความสำคัญของตัวละครใหม่ใน The Last Jedi นั้นทำให้เขายากที่จะรับได้

“เหมือนพวกคุณรู้ว่าต้องทำอะไรกับ เดซี ริดลีย์ พวกคุณรู้ว่าต้องทำยังไงกับ อดัม ไดรเวอร์ รู้ว่าต้องทำอะไรกับคนอื่นๆ แต่พอเป็นเคลลี แมรี ทราน เป็นจอห์น โบเยก้า คุณกลับไม่รู้ห่าอะไรเลย แล้วคุณจะให้ผมพูดว่ายังไง? สิ่งที่พวกเขาอยากให้คุณพูดก็คือ ‘ผมยินดีมากกับการได้เป็นส่วนหนึ่ง มันเป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยม’ เปล่าเลย ผมจะยอมรับก็ต่อเมื่อมันเป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมจริงๆ พวกเขามอบความดีงามทั้งหมดให้กับอดัม ไดรเวอร์ ให้กับเดซี ริดลีย์ บอกตามตรงเลย เดซีย์รู้เรื่องนี้ อดัมรู้เรื่องนี้ ทุกคนรู้ ผมไม่ได้จะออกมาแฉอะไร”

“ทุกคนอยากเขี่ยตัวละครของผมออกไป เขาไม่ควรจะกลับมากอบกู้จักรวาลห่าเหวอะไรด้วยซ้ำ” โบเยก้าพูดถึงหนังภาคจบ The Rise Of Skywalker ที่ได้ เจ.เจ. เอบรามส์ กลับมากำกับอีกครั้ง

นอกจากนี้โบเยก้ายังพูดถึงการเหยียดผิวที่เขาต้องเผชิญ หลังจากที่เขาได้รับเลือกให้เล่น Star Wars: The Force Awakens จนมีกระแสคว่ำบาตรหนังในตอนนั้น

“ผมเป็นนักแสดงเพียงคนเดียวที่ได้รับประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใครในด้านของเชื้อชาติ มันทำให้คุณโกรธกับประสบการณ์แบบนั้น มันทำให้คุณเข้มแข็งขึ้น มันเปลี่ยนคุณ เพราะคุณตระหนักได้ว่า ‘ฉันได้รับโอกาส แต่ฉันอยู่ในอุตสาหกรรมที่ยังไม่พร้อมสำหรับฉัน’ ไม่มีใครในทีมพูดว่าจะคว่ำบาตรหนังเรื่องนี้เพราะพวกเขาทำงานกับหนัง ไม่มีใครเจอเรื่องแย่ๆ กับข้อความขู่ฆ่าในอินสตาแกรม กล่องข้อความ หรือทางโซเชียลมีเดียที่กล่าวว่า ‘ไอ้ดำนั่น ไอ้ดำนี่ แกไม่สมควรเป็นสตอร์มทรูปเปอร์’ ไม่มีใครเคยเจอประสบการณ์แบบนี้ แต่หลายคนก็แปลกใจที่ผมเจอเรื่องพวกนี้ นั่นคือความหงุดหงิดของผม”