ในขณะที่ Avatar: The Way of Water มีอายุห่างจากหนังภาคแรกถึง 13 ปี คำถามสำคัญคือจะมีผู้ชมมากพอจนทำให้หนังสามารถไปต่อจนถึงภาค 5 อย่างที่ตั้งใจหรือไม่ เจมส์ คาเมรอน ก็ตั้งคำถามนี้กับตัวเองเช่นกัน พร้อมกับมีแผนในใจแล้วหากหนังไม่ประสบความสำเร็จ
“ตลาดอาจบอกเราตอนที่เรากำลังจะทำหนังเสร็จในอีกสามเดือน หรือจวนจะเสร็จแล้ว แบบว่า ‘เอาล่ะ มาทำหนังให้มันจบในภาคที่สามกันเถอะ อย่าเพิ่งไปไกลกว่านั้น’ ถ้ามันไม่ทำกำไร”
“แต่เราอยู่ในโลกที่ต่างออกไปจากตอนที่ผมเขียนหนังเหล่านี้ มันคือสองสิ่งร้ายๆ ที่เกิดขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกัน โรคระบาดกับสตรีมมิ่ง บางทีเราอาจกำลังเตือนให้ผู้คนจำได้ว่าการออกบ้านไปดูหนังโรงภาพยนตร์มันเป็นยังไง หนังเรื่องนี้คือการทำแบบนั้น”
“แต่คำถามก็คือ มีคนสนเรื่องห่าเหวนี่สักกี่คนกัน”
อย่างที่ทราบ หนังภาค 2 และ 3 ได้ถ่ายทำแบบต่อเนื่องกันไปแล้ว แต่ดิสนีย์ยังไม่ได้ไฟเขียวให้สร้างภาคที่ 4 (แม้จะมีการถ่ายทำองค์แรกไปแล้ว) ซึ่งก็น่าจะเดินหน้าสร้างต่อได้ทันทีหากมีแววว่าหนังภาค 2 ทำเงินได้ดี
อย่างไรก็ตาม จากการที่ Avatar ฉบับรีมาสเตอร์กลับมาเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ และทำเงินไปกว่า $25 ล้านภายในสองสัปดาห์ ก็อาจเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าผู้ชมพร้อมที่จะกลับไปดูหนังภาคต่อ รวมถึงการคาดการณ์ว่าหนังอาจทำเงินในสหรัฐอยู่ที่ $650 ล้านตลอดการฉาย