ระหว่างถ่ายหนังเรื่อง Harry Potter and the Deathly Hallows: Part 1 (2010) เกิดอุบัติเหตุขึ้นที่ทำให้ เดวิด โฮล์มส์ ที่เป็นสตันท์แมนของ แดเนียล แรดคลิฟฟ์ ตั้งแต่หนังภาคแรก กลายเป็นอัมพาตตั้งแต่หน้าอกลงไป และเปลี่ยนชีวิตของเขาไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ
เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นปี 2009 ที่โฮล์มส์ถูกดึงไปข้างหลังด้วยความเร็วเพื่อจำลองแรงผลักของระเบิด แต่เกิดความผิดพลาดบางอย่างที่ทำให้เขาถูกเหวี่ยงไปชนกับกำแพงและคอหักทันที ก่อนถูกนำส่งตัวไปรักษาในโรงพยาบาลนานถึง 6 เดือน
“ผมชนเข้ากับกำแพงแล้วตกลงไปในแผ่นรองกันกระแทก ผู้ประสานงานฉากผาดโผนของผมจับมือผมแล้วพูดขึ้นมาว่า ‘บีบนิ้วผม’ ผมขยับแขนเพื่อคว้ามือของเขาได้นะ แต่ผมกลับบีบนิ้วของเขาไม่ได้“ โฮล์มส์ให้สัมภาษณ์กับ The Mirror เมื่อปี 2004
“ผมมองไปในตาของเขา และรับรู้ได้ทันทีถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ผมจำได้ว่าผมลื่นล้มและหมดสติไปเพราะความเจ็บปวด ผมเคยกระดูกหักมาก่อน พอรับรู้ถึงความรู้สึกแปลกๆ ตั้งแต่ปลายนิ้วไปจนถึงนิ้วเท้า ผมก็รู้ได้ว่ามันร้ายแรงมากๆ”
โฮล์มส์บอกเพื่อนร่วมงานทันทีว่า ”อย่าโทรหาพ่อแม่ผมนะ ผมไม่อยากให้พวกเขาเป็นห่วง“
โฮล์มส์เล่าต่อว่าแรดคลิฟฟ์และ ทอม เฟลตัน มาเยี่ยมเขาเป็นประจำที่โรงพยาบาล ซึ่งแรดคลิฟฟ์ยังเป็นคนจัดงานการกุศลเพื่อหาเงินค่ารักษาและเรียกเขาว่าเป็น ”คนสำคัญที่สุดคนหนึ่งในชีวิต“ อีกด้วย
ปัจจุบันโฮล์มทำงานเป็นเอกอัครราชทูตของโรงพยาบาล Royal National Orthopaedic Hospital
“บางครั้งผมมักจะนึกถึงเหตุการณ์นั้นอีกหน ผมมักจะนึกถึงมันอีกครั้งตอนผมกำลังผลอยหลับไป แต่มันเป็นสิ่งที่ผมต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับมันและจัดการกับมัน” โฮล์มส์กล่าวปิดท้าย
ในวันที่ 15 พฤศจิกายนนี้ HBO จะมีการฉาย David Holmes: The Boy Who Lived สารคดีที่มีไอเดียตั้งตนมาจากตอนที่โฮล์มส์และแรดคลิฟฟ์จัดพอดแคสต์ Cunning Stunts ร่วมกันในปี 2020 ซึ่งในนั้นจะประกอบไปด้วยฟุตเทจส่วนตัวในทศวรรษที่ผ่านมาของโฮล์มส์ รวมถึงเนื้อหาเบื้องหลังจากการแสดงผาดโผนของเขา ชีวิตปัจจุบัน และบทสัมภาษณ์จากบุคคลใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็นแรดคลิฟฟ์ เพื่อน ครอบครัว และอดีตเพื่อนร่วมงาน