อย่างที่รู้กันว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมา หนังซูเปอร์ฮีโร่ดีซีมีความทุกลักทุเลมาตลอด ซึ่งเราอาจรู้สึกได้นับตั้งแต่ Batman V Superman ของแซ็ค สไนเดอร์ และกลายเป็นหายนะใหญ่หลวงหลัง Justice League ออกฉาย
ความล้มเหลวครั้งนั้นทำให้มีการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญอย่างการที่ วอลเตอร์ ฮามาดะ ผู้บริหารที่ประสบความสำเร็จจากการทำหนังสยองขวัญจากนิวไลน์เข้ามาคุม ดีซี ฟิล์ม ในปี 2018 โดยคนวงในยกความดีความชอบให้ฮามาดะที่เป็นคนช่วยวางแผนใหม่ที่ยั่งยืนมากขึ้นให้กับหนังในจักรวาลดีซี ซึ่งเขาเป็นคนที่มีเซนส์ด้านเรื่องราวและคอยดูแลโครงการไม่ให้ตกราง อีกทั้งมีความสัมพันธ์อันดีกับ โทบี้ เอมเมอร์ริช ประธานวอร์เนอร์บราเธอร์สฟิล์ม ซึ่งทั้งคู่เคยร่วมงานด้วยกันมาก่อนในการปลุกปั้นแฟรนไชส์ It และ The Conjuring
คนวงในเชื่อว่าการบริหารดีซีฟิล์มในอดีตอย่าง จอน เบิร์ก และ เจฟ จอห์นส์ และหัวหน้าดีซีเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ไดแอน เนลสัน ทั้งสามคนมีอำนาจตัดสินใจมากเกินไปจนนำไปสู่การที่ขาดวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน คนวงในยังยืนยันด้วยว่าวอร์เนอร์ฯ พลาดที่รีบเร่งสร้างหนังให้ทันวันฉายที่วางไว้ก่อนที่บทหนังจะเข้าที่เข้าทาง
“ความผิดพลาดแรกเริ่มของพวกเขาคือการที่พยายามทำมากเกินไป และเร็วเกินไป” ชอว์น ร็อบบินส์ นักวิเคราะห์จาก BoxOffice.com กล่าว “พวกเขาพยายามเลียนแบบโมเดลมาร์เวล แต่นั่นต้องใช้เวลาหลายปีที่จะสร้างตัวละครขึ้นมา คุณไม่สามารถเริ่มด้วยหนังรวมพลชุดใหญ่ได้”
ด้วยเหตุนี้เองจะเห็นได้ว่าหลังจากการเข้าคุมของฮามาดะร่วมกับเอมเมอร์ริช ทางสตูดิโอได้มีการเข็นโครงการที่เข้าที่เข้าทางและมีแววประสบความสำเร็จมากขึ้น อย่างเช่นหนังที่ฉายไปแล้วอย่าง Aquaman, Shazam! และ Joker และหนังที่กำลังจะตามมาในอนาคตอย่าง Birds of Prey, Wonder Woman 1984 และ The Batman