โปรดิวเซอร์ สตีเฟน ลิปสัน เล่าถึงช่วงท้ายของการทำเพลงธีมให้กับหนัง No Time To Die ซึ่งสร้างสรรค์โดย บิลลี ไอลิช และ ฟินเนียส โอ’คอนเนลล์ ว่าพวกเขาต้องให้นักแสดงนำอย่าง แดเนียล เคร็ก เป็นผู้อนุมัติคนสุดท้าย เพราะแม้ว่าทุกคนจะแฮปปี้กับมัน แต่หากเขาไม่ซื้อ เพลงก็อาจไม่ได้ไปต่อ
“ผมขอให้ฟินเนียสกับบิลลีสร้างเพลงที่ยอดเยี่ยมให้แก่ผม ซึ่งบิลลีไม่ค่อยมั่นใจนักหรอก แต่ตอนที่ผมได้ยินมันผมรู้เลยว่าพวกเขาทำได้ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการยินยอมจากแดเนียล ผมมิกซ์เสร็จแล้ว ทุกคนแฮปปี้ แต่เรายังต้องให้แดเนียลเห็นชอบกับมันด้วย”
การให้เคร็กเข้ามาฟังเพลงในสตูดิโอที่เพรียบพร้อมด้วยเครื่องเสียงคุณภาพ จึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด ณ ตอนนั้น
“เริ่มแรก ผมค่อนข้างมั่นใจว่าเขาจะไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่นัก ว่าเพลงจะส่งมอบอารมณ์ส่งท้ายที่ถูกต้องสำหรับบอนด์ครั้งสุดท้ายของเขาได้ ผมเลยบอกให้เคร็กมาที่สตูดิโอของผม เพราะผมรู้ว่าเมื่อเทียบกับที่อื่นๆ มันเป็นสถานที่ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับฟังเพลงนี้”
“หากผมเป็นแดเนียลซึ่งเป็นคนฟัง ผมคงนึกว่าไคลแม็กซ์จะต้องยิ่งใหญ่ ผมเลยใช้เวลาไปกับการมิกซ์เพลง ตอนนั้นเพลงมันดังกว่าเดิมไปมาก แล้วก็เซ็ทให้เพลงมีเนื้อเสียงสวยๆ ผมบอกให้แดเนียลนั่งระหว่างลำโพง เล่นเพลง และรอคำตอบจากเขา เมื่อเพลงจบ เขาไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาแต่เขาขอฟังอีกรอบ บาบารา(ผู้อำนวยการสร้าง)กับผมไม่รู้ว่าเขารู้สึกยังไงกระทั่งเขาฟังจบรอบที่สอง”
“เมื่อเขามองมาที่ผม เขาบอกว่า ‘นี่มันโคตรอัศจรรย์เลย’ ทันใดนั้นเขาก็อนุมัติเพลง ทุกอย่างเดินหน้า แล้วข่าวที่ว่า บิลลี ไอลิช ทำเพลงธีมให้กับบอนด์ก็กระจายไปทั่ว”
No Time To Die ถือเป็นเพลงธีมที่ถูกขับร้องโดยศิลปินที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์หนัง เจมส์ บอนด์ และยังถือเป็นคนแรกที่ทำเพลงและบันทึกเสียงแบบ Bedroom Studio เพราะช่วงที่ต้องทำเพลงส่ง ทั้งคู่ต้องออกทัวร์คอนเสิร์ตจนไม่มีเวลาเข้าห้องอัดจริงๆ จังๆ จนต้องมาลงเอยที่การทำเพลงในรสบัสหรือที่จัดคอนเสิร์ตแทน