เป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ Black Widow สามารถทำรายได้ทั่วโลกไปกว่า $218 ล้าน ซึ่งรายได้ส่วนหนึ่งมาจากการฉายแบบสตรีมมิ่งแบบ Disney Plus Premium Access ที่ทำรายได้ให้ดิสนีย์ไปกว่า $60 ล้าน แต่ตัวเลขส่วนนี้บอกอะไรให้กับเราบ้าง ทางวาไรตี้ได้วิเคราะห์ออกมาได้ดังนี้ครับ
ตามปกติแล้วค่ายหนังที่มีสตรีมมิ่งเป็นของตัวเอง มักไม่เปิดเผยรายละเอียดตัวเลขหลังบ้านเท่าไหร่นัก แต่มีความเป็นไปได้ว่าการที่ดิสนีย์ปล่อยตัวเลข $60 ล้านออกมานั้น เกิดจาก Black Widow ทำยอดขายตั๋ววันเสาร์ลดลง 41% จึงเป็นการยากที่หนังจะทำเงินเปิดตัวถึง $100 ล้านได้ การมีรายได้สตรีมมิ่งเข้ามาผสมโรงกับรายได้ในอเมริกา $80 ล้าน (รวมเป็น $140 ล้าน) จึงทำให้ตัวเลขรายได้หนัง “ดูดี” ท่ามกลางหนัง MCU ภาคแรกอย่าง Spider-Man: Homecoming ($117 ล้าน), Iron Man ($98.6 ล้าน), Guardians of the Galaxy ($94.3 ล้าน), และ Doctor Strange ($85.1 ล้าน)
ถ้าถามว่า $60 ล้านจาก Disney Plus เป็นตัวเลขที่ดีไหม คงตอบได้ว่ามีทั้งดีและไม่ดีครับ เพราะในขณะที่รายได้บ็อกซ์ออฟฟิสต้องแบ่งกับโรงภาพยนตร์ราว 50% แต่สำหรับรายได้จาก Disney Plus ค่ายได้รับเต็มๆ จากราคาเข้าชมประมาณ $29.99 หมายความว่ามีคนยอมจ่ายราว 2 ล้านบัญชี ซึ่งน้อยมากเมื่อเทียบกับสมาชิกทั้งหมด 103 ล้านรายทั่วโลก อีกทั้งนักวิเคราะห์บอกว่าหนังทีทำรายได้ $1 พันล้านมักจะทำรายได้ดีในแพลตฟอร์มเช่าแบบสตรีมมิ่งด้วย แต่ในเมื่อ Black Widow คงไม่สามารถทำรายได้ถึงขั้นนั้นได้ เนื่องจากในจีนยังไม่ฉาย เช่นเดียวกับหลายประเทศทั่วโลก การฉายแบบลูกผสมก็สร้างผลเสียต่อรายได้แบบดิจิตอลเช่นกัน
และที่น่าสงสัยก็คือ ต่อจากนี้ดิสนีย์จะเปิดเผยตัวเลขสำหรับหนังทุกเรื่องที่ฉายแบบ Premium Access รึเปล่า ซึ่งหากค่ายไม่ยอมเปิดตัวเลข หมายความว่าหนังไม่สามารถทำรายได้แบบสตรีมมิ่งได้ดีเท่าที่ควรจะเป็นหรือไม่ อันนี้ต้องมารอดูกันในหนัง Jungle Cruise ที่จะฉาย 30 กรกฎาคมนี้
อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาไม่เคยมีค่ายไหนแสดงตัวเลขหนังที่ฉายแบบลูกผสมมาก่อน อีกทั้งแต่ละค่ายก็มีวิธีการฉายสตรีมมิ่งพร้อมโรงในรูปแบบที่ต่างกันออกไป รวมถึงการวัดความสำเร็จที่แตกต่างกัน จึงยากที่จะวัดสถิติให้เป็นมาตรฐานแบบที่บ็อกซ์ออฟฟิสทำได้ครับ