หน้าแรก News หนึ่งสัปดาห์ก่อนเสียชีวิต แชดวิก โบสแมน เชื่อว่าเขาจะเอาชนะโรคมะเร็งและกลับไปรับบทใน Black Panther 2 ได้

หนึ่งสัปดาห์ก่อนเสียชีวิต แชดวิก โบสแมน เชื่อว่าเขาจะเอาชนะโรคมะเร็งและกลับไปรับบทใน Black Panther 2 ได้

THR รายงานว่าในวันที่ 28 สิงหาคมที่ผ่านมา เควิน ไฟกี ประธานมาร์เวลสตูดิโอได้รับอีเมลด่วนว่า แชดวิก โบสแมน ผู้รับบทแบล็คแพนเธอร์ ได้ต่อสู้กับโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่มานานกว่า 4 ปีแล้วและโรคนี้ก็ทำให้โบสแมนแย่ลงกระทัน แต่ข่าวร้ายมาเร็วกว่าที่คิด เพราะหลังจากที่ไฟกีอ่านอีเมลได้เพียง 1 ชั่วโมง ก็มีรายงานว่าโบสแมนเสียชีวิตที่บ้านพักของเขาแล้ว

แหล่งข่าวบอกว่า แม้ว่าโบสแมนจะผอมลงอย่างเห็นได้ชัดในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา แต่ในช่วง 1 สัปดาห์ก่อนที่เขาจะเสียชีวิต เขายังมั่นใจว่าตัวเองจะสามารถเอาชนะโรคมะเร็งและกลับมาเพิ่มน้ำหนักเพื่อรับบทเดิมอีกครั้งใน Black Panther 2 ซึ่งมีแผนเปิดกล้องในเดือนมีนาคมปีหน้า

ที่ผ่านมามีคนเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ว่าโบสแมนกำลังเผชิญกับอะไร ได้แก่ ครอบครัว, โปรดิวซิ่งพาร์ทเนอร์ โลแกน โคลส์, ตัวแทน ไมเคิล กรีนย์, เทรนเนอร์ แอดดิสัน เฮนเดอร์สัน และไบรอัน เฮลเจแลนด์ ผู้กำกับ 42 ที่โบสแมนแสดงนำ ซึ่งแต่ละคนทราบความร้ายแรงของอาการแตกต่างกันไป ส่วนคนที่มี่ส่วนเกี่ยวข้องกับหนัง Black Panther ไม่มีใครรู้เรื่องนี้เลยจนกระทั่งเขาเสียชีวิต เพราะโบสแมนต้องการให้การต่อสู้ของเขาเป็นเรื่องส่วนตัว

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาสตูดิโอหนังต่างรับมือกับนักแสดงที่เสียชีวิตระหว่างการถ่ายหนังแตกต่างกันไป แต่ถึงกระนั้นดิสนีย์ยังไม่เคยเผชิญกับการจากไปของนักแสดงที่เป็นที่รักและมีความสำคัญกับแฟรนไชส์ขนาดนี้มาก่อน

ผู้สังเกตการณ์ส่วนใหญ่เห็นพ้องว่าดิสนีย์มีหลายทางเลือกในการรับมือ หนึ่งในนั้นคือการหานักแสดงคนใหม่มารับบทแทนเขาใน Black Panther 2 ซึ่งแน่นอนว่าอาจทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์และการเปรียบเทียบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นจะมีนักแสดงคนไหนที่กล้าเข้ามารับช่วงต่อโบสแมน

อีกหนึ่งทางเลือกที่มีความเป็นไปได้นั่นคือการให้ ชูริ (เลทิเทีย ไรท์) น้องสาวของที’ชัลลา มาเป็นแบล็คแพนเธอร์คนใหม่ เพราะในคอมิคก็เคยมีเหตุการณ์คล้ายคลึงเช่นนี้เหมือนกัน

แต่ไม่ว่าดิสนีย์จะเลือกเส้นทางไหน การสูญเสียโบสแมนก็มิอาจวัดค่าได้ ดังคำยกย่องที่ ไรอัน คูกเลอร์ ผู้กำกับ Black Panther เขียนถึงโบสแมนไว้ว่า “ผมใช้เวลาเมื่อปีที่แล้วในการเตรียมตัว จินตนาการ และเขียนคำที่เขาจะพูด ซึ่งเราไม่ได้ถูกลิขิตมาให้เห็นมัน มันทำให้ผมใจสลายเมื่อได้รู้ว่าผมจะไม่ได้เห็นภาพระยะใกล้ของเขาในจอมอนิเตอร์หรือเดินไปหาเขาเพื่อขออีกเทคได้อีกแล้ว”