หลังจาก Roma หนังน้ำดีจากเน็ตฟลิกซ์ได้คว้ารางวัลออสการ์มาถึง 3 สาขาใหญ่ ได้แก่ หนังต่างประเทศยอดเยี่ยม, ผู้กำกับยอดเยี่ยม และกำกับภาพยอดเยี่ยม ทว่ากระแสกลับไม่ได้พุ่งเป้าไปที่คุณภาพของหนัง แต่กลับถูกเพ่งเล็งถึงความเหมาะสมว่า หนังจากเน็ตฟลิกซ์มีสิทธิ์เข้าชิงรางวัลอันทรงเกียรตินี้ด้วยหรือ?
สตีเว่น สปิลเบิร์ก ผู้ที่อยู่ในตำแหน่งประธานอคาเดมี่ เป็นหนึ่งในคนที่เห็นตรงข้ามว่าเน็ตฟลิกซ์ไม่ควรได้ชิงออสการ์ เพราะแม้จะตีความตัวเองว่าเป็นภาพยนตร์ แต่ผู้ชมควรจะได้ประสบการณ์การชมในโรงภาพยนตร์มากกว่าจะเป็นจอโทรทัศน์ และพยายามดันกฎใหม่ที่บังคับให้หนังที่จะเข้าชิงต้องฉายเฉพาะในโรงเป็นเวลาอย่างน้อย 4 สัปดาห์ก่อนสิ้นปี ซึ่งขัดกับความตั้งใจของเน็ตฟลิกซ์ที่ไม่ว่าจะที่ไหนไหนโลกก็ต้องได้ชมพร้อมๆ กัน
ถึงแม้ว่ากฎที่ว่านี้จะยังไม่มีมติออกมา แต่เน็ตฟลิกซ์ก็ได้ออกมาตอบโต้และแสดงวิสัยทัศน์ของบริษัทที่มีต่ออุตสาหกรรมภาพยนตร์ไว้อย่างคมคายว่า
“เรารักภาพยนตร์ แต่ก็มีบางอย่างที่เรารักเหมือนกัน
– หนังจะเข้าถึงคนที่ไม่สามารถเสียเงินดูหนังได้ตลอดเวลา หรืออาศัยอยู่ในเมืองที่มีโรงหนัง
– ให้ทุกๆ คนในทุกๆ ที่สามารถเพลิดเพลินกับหนังได้โดยพร้อมเพรียงกัน
– ให้ผู้สร้างมีทางเลือกมากขึ้นในการนำเสนอศิลปะของตัวเอง
สิ่งเหล่านี้ไม่ควรเป็นสิ่งที่ถูกปิดกั้น”
ต้องยอมรับว่าความเป็นห่วงเป็นใยประสบการณ์การชมภาพยนตร์ของ สตีเว่น สปิลเบิร์ก ก็ไม่ใช่สิ่งผิด ขณะเดียวกันความตั้งใจของเน็ตฟลิกซ์ก็ได้สร้างทางเลือกใหม่ของวงการหนังที่ดำรงอยู่บนโลกที่เปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา ถึงแม้ว่ามันจะเป็นการทำลายอุตสาหกรรมภาพยนตร์ในสายตาบางคนก็ตาม ต้องติดตามกันต่อไปว่าการต่อสู้ระหว่าง 2 อุดมการณ์นี้จะไปสิ้นสุดที่ตรงไหนครับ